ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับโครงการ “VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund 2019” (โว้ก ฮูส์ ออนเน็กซ์, เดอะ โว้ก แฟชั่น ฟันด์2019) โดย โว้ก ประเทศไทย (VOGUE THAILAND) สื่อที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสื่อแฟชั่นทรงอิทธิพลที่สุดเล่มหนึ่งของโลก จัดขึ้นเพื่อเฟ้นหาดีไซเนอร์ไทยรุ่นใหม่ที่มีผลงานการออกแบบและแผนการตลาดที่โดดเด่น ซึ่งถือเป็นปีที่ 6 แล้ว โดยพร้อมแล้วที่จะประกาศผลผู้ชนะเลิศโครงการ และเผยโฉม 10 ผู้เข้ารอบสุดท้ายผ่านแฟชั่นโชว์และโชว์เคสเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก ในวันที่ 12กันยายน 2562
ณ แฟชั่น ฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
คุณกุลวิทย์ เลาสุขศรี บรรณาธิการบริหาร นิตยสารโว้ก ประเทศไทย กล่าวว่า “ที่ผ่านมาโครงการนี้
ได้ผลักดันและสร้างโอกาสให้กับดีไซเนอร์ไทยกว่า 50 แบรนด์ให้ได้รับความรู้ ประสบการณ์ รวมถึงสร้างชื่อเสียงโดยใช้ชื่อโว้กเป็นใบเบิกทางจนโด่งดังไม่ใช่แค่ในเมืองไทยเท่านั้นแต่ยังเป็นที่ยอมรับในระดับสากลด้วย ซึ่งปีนี้ถือเป็น ปีที่ 6 แล้ว สิ่งที่เราได้เห็นจากผู้สมัครทั้งหมด คือการที่พวกเขาได้เตรียมตัวมาอย่างดี และศึกษาโครงการนี้ จากปีก่อนๆ ซึ่งตัวดีไซเนอร์เองก็มีการปรับความคิดให้เข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน เพื่อพัฒนาศักยภาพให้ทัน
ต่อความเปลี่ยนแปลง โดยโครงการนี้ไม่ได้ต้องการนักออกแบบที่ดีที่สุด แต่เราอยากให้คุณเป็นนักออกแบบที่เข้าใจการทำธุรกิจควบคู่ไปด้วย ดังนั้นคณะกรรมการที่เชิญมา ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและผู้บริโภคที่อยู่ในวงการแฟชั่นจริงๆ ความคิดเห็นและความรู้ต่างๆ ที่ถ่ายทอดให้ทุกคน สามารถนำไปใช้ได้จริง ซึ่งเกณฑ์การตัดสินของโครงการนี้ 50% คืองานดีไซน์ และ อีก 50% คือเรื่องของการวางแผนธุรกิจ เพราะดีไซน์อย่างเดียวไม่สามารถทำให้คุณเป็น. ผู้ชนะได้”
สำหรับคณะกรรมการซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ที่ให้เกียรติมาร่วมให้ความรู้และถ่ายอดประสบการณ์ได้แก่ คุณวรัตดา ภัทโรดม, คุณโสภาวดี เพชรชาติ, คุณฮัสซัน บาซาร์, คุณมลลิกา
เรืองกฤตยา, คุณศุภจักร ไตรรัตโนภาส ,คุณสธน ตันตราภรณ์ , คุณจิรัฏฐ์ ทรัพย์พิศาลกุล และคุณจงกล พลาฤทธิ์ เป็นต้น โดยตลอดระยะเวลาที่เข้าร่วมโครงการ ดีไซเนอร์จะได้รับภารกิจอันท้าทายซึ่งจะช่วยให้พัฒนาตัวเองและสร้างความชัดเจนของแบรนด์ ขณะเดียวกันคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะคอยให้คำปรึกษาทั้งในด้านการออกแบบและการวางแผนธุรกิจ ซึ่งแบรนด์ที่พัฒนาได้อย่างโดดเด่นก็จะเป็นผู้ชนะเลิศในโครงการ และได้รับรางวัลมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท พร้อมรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นตลอด 1 ปีเต็ม
“ทั้งนี้ ดีไซเนอร์ที่ผ่านเข้ารอบยังได้พื้นที่แสดงผลงานกับโว้กทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นนิตยสาร ดิจิทัล
ไปจนถึงแฟชั่นโชว์ ซึ่งเป็นหนึ่งในความฝันของดีไซเนอร์หลายคน และที่สำคัญหัวใจของโครงการไม่ได้อยู่ที่การมอบรางวัลให้กับผู้ชนะเท่านั้น แต่เป็นการส่งเสริมดีไซเนอร์ที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมดให้ได้รับความรู้อย่างที่หาที่ไหนไม่ได้ และชัยชนะเป็นเพียงถ้วยรางวัลเท่านั้น หากแต่ประสบการณ์ในการเข้าร่วมโครงการต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่า”
บรรณาธิการบริหาร นิตยสารโว้ก ประเทศไทย กล่าว
เ จากจำนวนผู้เข้ามสมัครมากกว่า 50แบรนด์ ถูกคัดกรองจนเหลือผู้เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย ในงานนี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่ดีไซเนอร์ผู้เข้ารอบจะได้จัดแสดงผลงานการออกแบบของพวกเขาเอง โดยตลอดโครงการผู้เข้ารอบต่างได้รับคำแนะนำอย่างเข้มข้นจากที่ปรึกษาและคณะกรรมการของโครงการฯ อีกทั้งต้องฝึกฝนทักษะต่างๆ จากการ
เวิร์คช็อปและโจทย์ที่ได้รับมอบหมาย ผ่านรูปแบบรายการแฟชั่นเรียลลิตี้ที่ใช้ชื่อเดียวกับโครงการว่า VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund ซึ่งออกอากาศทาง Line TV ,Vogue Channel
สำหรับภายในงานประกาศผลรางวัลผู้ชนะเลิศ ทุกท่านจะได้ชมแฟชั่นโชว์ผลงานคอลเลคชั่นของผู้เข้ารอบสุดท้ายของโครงการ VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund 2019 จาก 10 แบรนด์ที่ผ่านการคัดสรรจากคณะกรรมการได้แก่
แบรนด์เสื้อผ้าสตรี 6 แบรนด์
แบรนด์ชุดว่ายน้ำสำหรับสุภาพสตรี Coralist โดยดีไซเนอร์ต้องการที่จะนำเสนอไลฟ์สไตล์ของความเป็นแฟชั่นในเมืองที่มาบรรจบกับโลกแห่งท้องทะเลผ่านชุดว่ายน้ำหลากสีสันและหลากหลายสไตล์ เพื่อช่วยดึงเอาความมั่นใจของหญิงสาวในเรือนร่างของตัวเองให้ออกมาอย่างเฉิดฉายยามเดินเล่นริมชายหาด มาพร้อมเนื้อผ้าระดับคุณภาพและดีไซน์อันสวยชิค
ติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์นี้ได้ที่ IG: coralist.swimwear
แบรนด์เสื้อผ้าสำหรับสาวหวานเฟมินินอย่าง Tutti มีดีไซน์การตัดเย็บอันประณีต โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์อย่างการใช้ผ้าลูกไม้ และผ้าไหมออร์แกนซ่าเป็นหลัก เพื่อสื่อถึงความโรแมนติกที่ติดกลิ่นอายความวินเทจนิดๆ
ด้วยผ้าลูกไม้ ทว่าดูเรียบหรูและคลาสสิคด้วยการเลือกใช้ผ้าไหมออร์แกนซ่า
ติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์นี้ได้ที่ IG:
ชุดเจ้าสาวจากแบรนด์ Ferratiti มาพร้อมเอกลักษณ์ด้วยดีเทลกับฝีเข็มถี่ยิบและการปักในการรังสรรค์ชุดเจ้าสาว ที่มาพร้อมกลิ่นอายความโมเดิร์นผสมผสานความวินเทจและความดราม่านิดๆ หากแน่นอนว่ายังคงใส่
คาแรกเตอร์ของเจ้าสาวแต่ละคนลงบนชุดได้อย่างสวยงามเลยทีเดียว
ติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์นี้ได้ที่ IG: ferratiti_official
ไอเดียการนำเอาเสื้อผ้าวินเทจมาประยุกต์ใหม่ให้โมเดิร์นด้วยการลวดลายและการตกแต่งแบบสมัยใหม่เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของแบรนด์ Jirawat โดยดีไซเนอร์ชื่นชอบการนำเสื้อผ้าเหล่านั้นมาผสมผสานขึ้นใหม่ร่วมกับผ้าทอชนิดอื่นๆ และแน่นอนยังรวมถึงเสื้อผ้าที่ตัดเย็บขึ้นใหม่ด้วย โดดเด่นด้วยการปักและลวดลายที่เป็นกิมมิคเก๋ๆ อีกมากมาย
ติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์นี้ได้ที่ IG: jirawat_gewat
สองดีไซเนอร์สาวพาแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองอย่าง Youth Tonic มาพร้อมมอตโตที่ว่า “ทุกคนมีความเป็นเด็กเสมอไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่” พร้อมเอกลักษณ์ของแบรนด์อย่างการใช้ดีเทล Deconstruction ที่เกิดจากการถอดประกอบผ้าชิ้นต่างๆ ให้เกิดเป็นซิลูเอตใหม่ พร้อมการใช้ผ้าเทเลอร์ และการใช้ดีเทลชุดกีฬาผสมผสานอยู่ในนั้น
ติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์นี้ได้ที่ IG: youth.tonic
แบรนด์เสื้อผ้าอย่าง NICHP ดีไซเนอร์สาวนำเสนอเอกลักษณ์ของแบรนด์เสื้อผ้าหญิงสาวด้วยสไตล์มินิมอลลักซ์ชัวรี เน้นความเรียบง่ายและเรียบหรูที่แฝงเอกลักษณ์ความเป็นผู้หญิงด้วยเนื้อผ้าพลิ้วไหวกับ
ซิลูเอตเบาสบาย และยังเน้นสีเรียบๆ ที่เหมาะกับสาวๆได้เป็นอย่างดี มีให้เลือกหลายรูปแบบตั้งแต่ชุดเดย์แวร์ ค็อกเทล และมินิค็อกเทลที่แฝงความหรูหราหากดูดีไว้ในตัว
ติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์นี้ได้ที่ IG: nichpbrand
แบรนด์เครื่องประดับ 4 แบรนด์ ได้แก่
แบรนด์เครื่องประดับที่มีวัตถุดิบหลักคือไข่มุกน้ำจืด และเครื่องเงินชาวเขาเป็นหลัก เน้นไปที่การดีไซน์ Visual Art และงาน Hand Crafted เพื่อเป็นการผสมผสานความเน้นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของเครื่องเงินชาวเขาและไข่มุกน้ำจืดเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
ติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์นี้ได้ที่ IG: jiira.jewelry
แบรนด์กระเป๋า ที่สะท้อนพลังแห่งความสนุกสนานและการสร้างสรรค์ ด้วยเอกลักษณ์อย่างผ้าลายทอมือ
ที่พัฒนาใหม่ตลอดเวลา พร้อมด้วยแรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นผสานเข้ากับเทคนิคการทอผ้าแบบละเอียดยิบทำให้แบรนด์ TORBOON มีเสน่ห์ในแบบศิลปะและมีอัตลักษณ์อย่างไม่จำเจอีกด้วย
ติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์นี้ได้ที่ IG: TORBOONCHIANGMAI
เครื่องประดับแบรนด์ fine jewelry ผนวกกับ design ร่วมสมัย
ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมต่างๆจากทั่วโลกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว จึงเป็นการเปิดโลดใหม่ของ fine jewelry ที่ทำจากตัวเรือนทองคำแท้ 18k เล่นกับเพชรและพลอยแท้มนรูปแบบ Italian modern art
ติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์นี้ได้ที่ IG: t.twinkle_official
แบรนด์กระเป๋าดีไซน์เก๋ Kear Store ที่ใส่ใจในทุกดีไซน์ของกระเป๋า โดยเน้นความสำคัญไปที่คุณภาพบวกกับการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นอาทิ หวาย ตอก และกก ร่วมกับงานฝีมือของชาวบ้าน รวมถึงการใช้หนังแท้มารังสรรค์ขึ้นในแบบโมเดิร์นยุคใหม่ที่ยังคงกลิ่นอายและวัฒนธรรมในแบบดั่งเดิมได้อย่างสวยงาม
ติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์นี้ได้ที่ IG: kearstore
ร่วมติดตามผลงานของผู้ชนะเลิศและผู้เข้ารอบโครงการ “VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund 2019 ผ่านทาง www.Vogue.co.th หรือ IG : voguethailand และ #VogueWhosOnNext2019
(101)